SIRISAK POM
วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
เขาพระวิหาร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
บทความใหม่กว่า
บทความที่เก่ากว่า
หน้าแรก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เกี่ยวกับฉัน
POM
ไทย, ตะวันออกเฉียงเหนือ, Thailand
นายสิริศักดิ์ ปิดทอง เรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมือง และนฤมิตศิลป์ สาขา สถาปัตยกรรม เป็นคนจังหวัดสุรินทร์โดยกำเนิดคับ จบจากมัธยมศึกษาปีที่6 จากโรงเรียนสังขะ
ดูโปรไฟล์ทั้งหมดของฉัน
นายสิริศักดิ์ ปิดทองเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมือง และนฤมิตศิลป์สาขา สถาปัตยกรรมเป็นคนจังหวัดสุรินทร์โดยกำเนิดคับ จบจากมัธยมศึกษาปีที่6 จากโรงเรียนสังขะอดีตตอนเด็กเคยอยู่ภาคใต้ จังหวัดสงขลา พ่อแม่ไปทำงานที่นั้นจึงพาผมไปด้วย ภาคใต้ก็เป็นภาคที่น่าอยู่ไม่แพ้ภาคอีสานเลยคับ หลังจากอยู่ได้ 7 - 8 ปีก็ย้ายจากหนุ่มภาคใต้มาเป็นหนุ่มภาคอีสาน หลายคนอาจจะคิดว่าจังหวัดสุรินทร์เป็นจังหวัดที่น่ากลัวเป็นจังหวัดที่มีการเล่นของเกี่ยวกับไสยสานส์ ผมตอบได้เลยว่าจังหวัดสุรินทร์นั้นเล่นของจริงๆคับ แต่เป็นเพียงบางพื้นที่เท่านั้นเองครับแต่จริงๆแล้วจังหวัดเป็นจังหวัดที่น่าอยู่มากครับเป็นแดนถิ่นช้างใหญ่และมีสินค้าที่ขึ้นชื่อของจังหวัดคือ ผ้าไหมนั่นเองครับ และที่ขาดไม่ได้ก็เป็นรำรวยปราสาท และสิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้คือสิ่งที่ผมประทับใจครับเกี่ยวกับปราสาทสุรินทร์นั่นเองครับ ตอนที่ผมอยู่มัทยมตอนปลายโรงเรียนสังขะผมได้มีโอกาสเป็นตัวแทนของโรงเรียนได้ไปวาดภาพปราสาทกับรุ่นพี่ราษชภัรสุรินทร์ และครูศิลปะหลายท่านด้วยกันครับ และเหตุการ์นั้นก็เกิดขึ้นการได้เห็นครูศิลปะวาดภาพด้วยไม่การร่างใช้เพียงสีและพูกันป้ายไปป้ายมาซึ่งผมคิดว่าผลงานชิ้นนั้นมันสวยมากครับแต่สำหรับผมแล้วการที่ได้วาดรูปอีกฝากหนึ่งเป็นดินแดนกัมพูชาและอีกฝากหนึ่งเป็นดินแดนไทยเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากครับและมีนายทหารพรานมารักษาความปลอดภัย ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีและก็ส่งผลงานหลังจากนั้นผมก็ได้เดินเข้าไปถามอาจารย์ว่า อาจารย์ทำเช่นไรจึงได้ผลงานที่สวยมากครับ อาจารย์ตอบเพียงคำสั้นๆ ว่า "ทำด้วยใจ" และหลังจากนั้นทำให้ผมมีแรงผลักดันทำวาดรูปทำงานดีขึ้นจนดีขึ้นเรื่อยในที่สุดก็ถึงการเรียนสายอาชีพ สถาปนิก ทำให้ผมได้มีโอกาสเป็นตัวแทนของคณะได้เข้าร่วมการทำงานสายสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเชียในครั้งนั้นทำให้ผมมีเพื่อนชาวต่างชาติมากมาย และมีการแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน จึงทำให้ผมคิดว่า "ยิ้มกับโลกที่เราไม่รู้จัก ยอมรับกับสิ่งที่เราทำ และเปิดโอกาสให้ตนเอง" และผมคิดว่าอนาคต ผมจะเป็นสถาปนิกที่ดีที่สุดครับ
มารู้จักกับเรา
สาระน่ารู้
ปราสาทเขาพนมรุ้ง
ปราสาทเขาพระวิหาร
ป้ายกำกับ
งานดาวโหลด
(3)
งานวิชา อินเตอร์เน็ต
(5)
เที่ยวกันคับ
(2)
นครวัด
(2)
ปราสาท
(4)
เพลงโปรด
(5)
ศิลปะขอม
(7)
ศิลปะขอมบนแผ่นดินไทย
(3)
สถาปัตยกรรมไทย
(4)
สถาปัตยกรรมศรีวิชัย
(4)
สถาปัตยกรรมสมัยทวาราวดี
(2)
อาหารเขมร
(3)
BLOG ของเพื่อนผมครับ
(32)
คลังบทความของบล็อก
▼
2009
(77)
►
มีนาคม
(6)
►
เมษายน
(47)
▼
พฤษภาคม
(24)
สัตว์เลี้ยงกระต๋าย
สถาปัตยกรรมไทย Thai Architecture
เรือนพื้นถิ่นในภาคเหนือ
เรือนกาแล
เที่ยวเวียงจันทร์ประเทศลาวคับ
เคร็ดลับการรักษาอาการหน้าแตก
ปราสาทบันทายศรี
ปราสาทตาพรหม
ปราสาทพนมบาแคง
ปราสาทบาปวน
โอ๊ย โอ๊ย - Jennifer kim & Ben
แก้ม - นักร้องบ้านนอก
คำว่าจบพูดเบาๆก็เจ็บ - เอิร์น the Star
วัดหน้าพระเมรุ
วัดพระบรมธาตุไชยา
วัดหลง
วัดรัตนารามหรือวัดแก้ว
พระพุทธรูปสมัยศรีวิชัย
เจดีย์แบบทวาราวดี
ดนตรีตะวันตก
วนอุทยานชีหลง
เขาพนมรุ้ง
เขาพระวิหาร
ปราสาทยายเหงา
ผู้ติดตาม
ความรัก รัก รัก
เคล็ดลับ ความรักอุดม
1. พลังของการให้ = หากเราต้องการได้รับความรัก ทั้งหมดที่ต้องทำก็คือ "การให้ความรัก"ยิ่งเราให้ความรักมากเท่าใด เราก็ยิ่งจะได้รับมากเพียงนั้นการรักก็คือการให้ด้วยตัวของเราเอง ให้อย่างไม่คิดมูลค่า อย่างไม่มีเงื่อนไขจงให้ความเมตตาปรานีอย่างไม่เลือกหน้า ก่อนที่จะเข้ามีความสัมพันธ์ อย่าถามว่ามีสิ่งใดบ้างที่คนอื่นจะสามารถให้เราได้ แต่จงถามว่ามีอะไรบ้างที่เราจะสามารถให้กับพวกเขาได้*** สูตรลับของความสัมพันธ์แบบความรักที่ผาสุกยาวนานชั่วชีวิตก็คือ จงเพ่งดูแต่ว่า เราสามารถให้อะไรได้บ้าง แทนที่จะเพ่งว่า เราจะได้รับอะไรบ้าง2. พลังของความเคารพ = ท่านจะไม่ สามารถรักใครหรือสิ่งใดได้นอกเสียจากท่านจะรู้สึกเคารพพวกเขาเสียก่นอบุคคลแรกที่ท่านจำเป็นต้องเคารพคือ ตัวท่านเองการเริ่มเคารพตน ขอให้ถามตนเองว่า "มีอะไรบ้างเกี่ยวกับตัวเองที่น่าเคารพ"การที่จะเคารพต่อผู้อื่นได้ แม้แต่คนที่ท่านอาจจะไม่ชอบ ถามตัวท่านเองว่า "พวกเขามีอะไร บ้างที่น่าเคารพ"
3. พลังแห่งการไว้ใจ = ความไว้วางใจเป็นสิ่งจำเป็นสำคัญในความสัมพันธ์รักทั้งมวล ปราศจากความไว้วางใจเสียแล้วคนก็จะรู้สึกหวาดระแวง วิตกกังวลหวาดกลัว และอีกฝ่ายหนึ่งก็รู้สึกไร้อิสระและอึดอัดทางอารมณ์เราไม่สามารถรักใครได้อย่างเต็มที่นอกเสียจากเราจะไว้วางใจเขาอย่างเต็มที่ จงทำราวกับว่าความสัมพันธ์ของท่านกับคนที่ท่านรักไม่มีวันสิ้นสุด***วิธีหนึ่งที่จะบอกได้ว่า คนคนนั้นเหมาะกับเราหรือไม่คือการถามตัวเองว่า เราไว้วางใจเขาอย่างเต็มที่ อย่างปราศจากข้อสงวนหรือเปล่า หากคำตอบคือไม่ ให้คิดให้ดีก่อนที่จะเข้าไปผูกพัน
4. พลังแห่งการปล่อยเป็นอิสระ = หากท่านรักบางสิ่งบางอย่าง จงปล่อยให้มันเป็นเสรี หากมันกลับมานั่นหมายถึงมันเป็นของท่าน หากมันไม่กลับมามันจะไม่มีวันเป็นของท่านเลยแม้ในความสัมพันธ์รัก คนจำต้องมีที่ว่างของตนเองหากเราต้องการเรียนรู้ที่จะรัก แรกที่เดียวเราต้องเรียนรู้ที่จะลืมและปล่อยอดีตที่เจ็บปวดและความโศกเศร้าทั้งหลายไปความรัก หมายถึง การปล่อยไปซึ่งความกลัว อคติ อัตตา และเงื่อนไขต่างๆ *** วันนี้ ฉันปล่อยความกลัวทั้งหลายทั้งมวลของฉันไปแล้ว อดีตไม่มีอำนาจเหนือฉัน วันนี้คือการเริ่มต้นชีวิตใหม่
5.พลังแห่งมิตรภาพ = การที่จะพบรักแท้ได้ ท่านจะต้องหาเสียก่อนความรักไม่ได้อยู่ที่การนั่งจ้องตากันและกัน แต่หากอยู่ที่การมองออกไปร่วมกัน ในทิศทางเดียวกันการที่จะรักใครบางคนได้อย่างสุดใจ ท่านจะต้องรักเขาอย่างที่เขาเป็น ไม่ใช่จากว่าเขามีรูปโฉมอย่างไรมิตรภาพเป็นเนื้อดินที่เมล็ดพันธุ์ของความรักเติบโตขึ้น*** หากท่านต้องการนำความรักเข้ามาในสัมพันธภาพ ท่านจะต้องทำให้เกิดสัมพันธภาพเสียก่อน
6.พลังแห่งการสัมผัส = การสัมผัสเป็นการแสดงออกซึ่งความรักที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่งที่ทลายกำแพงขวางกั้น และผูกรัดสัมพันธภาพการสัมผัสเปลี่ยนแปลงสภาวะทางร่างกาย ทางอารมณ์ และทำให้เรารู้สึกอยากจะตอบรับความรักมากขึ้น***การสัมผัสสามารถช่วยเยียวยาเด็กชาย ให้ความอบอุ่นแก่หัวใจ เมื่อท่านเปิดแขนทั้งสองข้างออก ท่านก็เปิดหัวใจของท่าน
7.พลังแห่งการอุทิศ = หากต้องการความรักอย่างอุดม เราจะต้องเข้าผูกพันอุทิศตนกับมันและความผูกพันนั้นจะสะท้อนออกมาในความคิดและการกระทำของเราการผูกพันเป็นการทดสอบที่แท้จริงของความรักหากเราต้องการมีสัมพันธ์รัก เราจะต้องอุทิศตนต่อความสัมพันธ์รักเมื่อเข้าผูกพันกับคนบางคนหรือบางสิ่งการเลิกไม่มีวันจะเป็นทางเลือก***ความผูกพันอุทิศตน แยกให้เห็นความสัมพันธ์อันเปราะบาง กับความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง
htp:www.yenta4.com/scoop/valentine/trick.php
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น